คำกล่าวนี้ สำหรับ เจ่เจ้ ของเรา “ผักบุ้ง”
Profile ของ เจ่เจ้ เรา ณ ตอนนี้ ได้แก่
ว/ด/ป เกิด : วันพุธ ที่ 20 มีนาคม 2539 เวลา 6.20 น.
ถึงวันนี้ อายุ 13 ปี 11 เดือน 6 วัน
กรุ๊ปเลือด : บี (เหมือนแม่)
ความสวย : กินขาด บาดจิต แต่ไม่ชอบยิ้ม
ส่วนสูง : ไว้ไปถามมาก่อนแบบชัวร์ ๆ แต่เท่าที่เล็งๆ ก็คงจะ 150 ซม. กว่า ๆ
น้ำหนัก : ไว้ไปถามอีกที แต่รับรอง หุ่นฉบับกระเป๋าฮ่ะ
เพราะ เจ่เจ้ แกกินน้อย นอนน้อย แต่เรียนหนัก ไม่รักการออกกำลังกายกลางแจ้ง
เวลาว่าง ชอบดูหนังฟังเพลง ในที่เย็น ๆ สบาย ๆ
และชีวิตประจำวัน เท่าที่สายตาแม่เห็น ออกแนวเครียดเล็กน้อย ถึง ปานกลาง
แต่เวลา เจ่เจ้ แกอยู่กะ เพื่อนฝูง ไม่รู้เป็นไงเหมือนกัน อันนี้เดี๋ยวจะเรียก น้าสาวคนสนิท
มาแสดงความคิดเห็นในกล่องเมนท์ ข้างล่าง ละกัน
ช่วงหลังๆ มานี่ ไดฯของเรา ไม่ค่อยมีเรื่องราวของเจ่เจ้
เพราะ เจ่เจ้ เธอเริ่มเข้าสู่ ช่วงวัยตามหัวข้อไดฯ วันนี้ คือ
“จะเด็กก็ไม่ใช่ จะผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง”
อย่างเรื่องถ่ายรูป ถ้าเจ่เจ้ แก้ไม่มี ‘รมณ์ อย่างหวังว่าจะได้ยลโฉมเธอผ่านกล้อง
แล้ว ชีวิตรูทีน ของเจ่เจ้ เกือบๆ 90 % จะเป็นเรื่องของชีวิตในรั้วโรงเรียน และ
บ้านคุณครูที่เรียนเพิ่มเติม ตอนเย็น และ เสาร์ – อาทิตย์
ทำไม ไดฯ วันนี้ แม่ถึงลุก มาเขียนเรื่องราวของเจ่เจ้ เรา
ก็เพราะว่า เมื่อวานเย็น(16 ก.พ. 53) แม่เจอ อารมณ์ วัยรุ่น(มีปัญหารึป่าว?) ของเจ่เจ้ เข้าจังเบ้อเริ่ม
แล้วพอเรียกตัวช่วย คือ พ่อ กลับยิ่งเหมือนทำให้เรื่องเลวร้ายไปอีก
ก็พ่อ หนะ เก่งก็แต่กับลูกคนอื่นหนะดิ ลูกสาววัยรุ่นตัวเอง
ทำอะไรก็ดูจะไม่เข้าท่า ขัดหูขัดตา ขัดใจ ลูกสาววัยรุ่นไปซะหมด
จะมีดี เรียกรอยยิ้ม จากลูกสาวคนโต ได้ก็อิตอนที่ Pay หนัก ๆ แค่นั้นแหละ
แต่ถ้าเรื่องพูดจา กับ ลูกสาว ในเรื่องชีวิตประจำวัน ทั่วๆไป หละ อย่าได้หวังพึ่งเล้ยยย
พอมีการเสวนา ด้วยอารมณ์ และด้วยเหตุผลของวัย และ สถานะที่ต่างกัน
แม้ว่า จะจบลงด้วย เหมือนว่า เหตุผล ของ ผู้สูงวัย จะชนะ
แต่ใบหน้า และอารมณ์ของวัยรุ่น ยังดูไม่ค่อยยอมรับ
แม้ว่าคำพูดที่หลุดจากปากจะยอมรับในเหตุผล แล้วก็ตาม
ซึ่งส่งผลให้ มันติดในใจ แม่
แม่ทุกคน อยากให้ลูกสมหวัง อยากให้ลูกมีความสุข
แต่ในบางครั้ง มันเกินกำลัง และเกินเหตุผลที่จะรับได้
แม่ก็ยากที่จะเห็นด้วย และ ยินยอมให้ทำ
และแม่รู้ว่า ลูกของแม่ ก็คงเข้าใจ และกำลังพยายามยอมรับมัน
แต่ อาจจะไม่ทันที ทันใด แต่มันก็ทำให้จิตใจแม่ ไม่นิ่ง
คอยแต่จะนึกถึงอารมณ์และความรู้สึกของลูกอยู่นั่นแหละ
จึงทำให้ ต้องมานั่งเขียน เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ไว้ในไดฯหน้านี้ วันนี้ แหละ
ที่แม่มาเขียน แม่ก็อยากให้ลูกได้รู้ ได้เข้าใจ อย่างที่เราได้คุยกันนั่นแหละ
และให้ลูกได้รู้ว่า แม้ว่าแม่จะ ตอบไปแบบนั้น แต่แม่ก็ยังคง วิตก กังวล
ถึงความรู้สึกของลูกตลอด นะ
แม่รักลูกมากแค่ไหน ลูกรู้ไหม
ถ้าไม่รู้ แม่ขอเขียนบอกตอนนี้และตลอดชีวิตของแม่ เลยว่า...
รักลูกทั้งสอง หมดหัวใจ
แม่เอง